วันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

Record of Learning 4


 Record of Learning 4
Monday 5 Febuary 2018



เนื้อหาที่เรียน  ความรู้ที่ได้รับ
  • ·         กิจกรรมการเรียนการสอนวันนี้ เป็นการนำเสนองานหน้าชั้นเรียน ถัดจากสัปดาห์ที่ 2 ซึ่งได้นำเสนอไปแล้ว 4 กลุ่ม

กลุ่มที่ 1 เรื่องพัฒนาการตามวัยของเด็กปฐมวัย
กลุ่มที่ 2 ความสนใจและความต้องการของเด็กปฐมวัย
กลุ่มที่ 3 การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
กลุ่มที่ 4 รูปแบบการเรียนรู้นวัตกรรมการสอนโปรเจค (Project Approach)
  •     วันนี้จึงเป็นการนำเสนอของกลุ่มที่ 5

กลุ่มที่ 5 รูปแบบการเรียนรู้แบบมอนเตสซอรี่


ที่มาของการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่
            คือ   การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่เกิดจากแนวคิดของมาเรีย มอนเตสซอรี่ (Maria Montessori) แพทย์หญิงชาวอิตาลีที่มีความเชื่อว่า การให้การศึกษากับเด็กในวัยเริ่มต้น ไม่ใช่การนำความรู้ไปบอกเด็ก แต่ควรเป็นการปลูกฝังให้เด็กได้เจริญเติบโตไปตามความต้องการทางธรรม ชาติของเขามอนเตสซอรี่เริ่มต้นนำแนวการสอนนี้ไปใช้กับเด็กที่มีพัฒนาการทางสติปัญญาล่าช้า โดยประดิษฐ์สื่อวัสดุอุปกรณ์ที่เป็นหัวใจสำคัญในการเปิดโอกาสให้เด็กได้ค้นพบสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง

จุดมุ่งหมายของการสอนแบบมอนเตสซอรี่    
            คือ ช่วยพัฒนาหรือให้เด็กมีอิสระในด้านบุคลิกภาพของเด็กในวิถีทางต่างๆ อย่างมากมาย  สิ่งแวดล้อมของโรงเรียนระบบมอนเตสซอรี่คือการจัดระบบเพื่อสะท้อนถึงศักยภาพที่แท้จริงและความต้องการของเด็ก เพื่อเด็กจะได้พัฒนาบุคลิกภาพของเขา

การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่
             คือ   การจัดการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่เป็นการจัดสภาพการเรียนรู้สำหรับเด็ก โดยมีครูเป็นผู้จัดสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนให้เหมือนบ้านและเป็นผู้ให้การสนับสนุนให้เสรีภาพแก่เด็กให้คำปรึกษาและกระตุ้นให้เด็กคิดแก้ปัญหาด้วยตนเองให้ใช้จิตใจซึมซับสิ่งแวดล้อมเพราะมอนเตสซอรี่เชื่อว่า เด็กคือ ผู้รู้ความต้องการของตนเองและมีความสามารถที่จะซึมซับการเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมได้
หลักสูตรของมอนเตสซอรี่สำหรับเด็กวัย 3-6 ขวบ ครอบคลุมการศึกษา 3 ด้าน
  1. ด้านทักษะกลไก (Motor Education) หรือกลุ่มประสบการณ์ชีวิต มีจุดประสงค์เพื่อฝึกการดูแลและจัดการสิ่งแวดล้อมเด็กจะทำกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวเบื้องต้นของชีวิตประจำวัน เช่น มารยาทในการรับประทานอาหารเป็นต้น 
  2. ด้านประสาทสัมผัส (Education of the Senses) มีจุดประสงค์เพื่อฝึกการสังเกต การใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าเกี่ยวกับมิติรูปทรง ปริมาตรของแข็ง ของทึบ อุณหภูมิ เด็กจะได้รู้จักทรงกระบอก ลูกบาศก์ ปริซึม แขนงไม้ ชุดรูปทรงเรขาคณิต
  3. ด้านการเขียนและคณิตศาสตร์ (Preparation For Writing and Arithmetic) หรือกลุ่มวิชาการมีจุดประสงค์เพื่อเตรียมเด็กเข้าสู่ระดับประถมศึกษาเตรียมตัวด้านการอ่านการเขียนโดยธรรมชาติการประสมคำ คณิตศาสตร์


การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่มีลักษณะ
         การจัดการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่มีลักษณะส่งเสริมการเรียนด้วยตนเองของเด็ก เน้นการช่วยเหลือตนเองให้มากที่สุด โดยสภาพของโรงเรียนจัดสิ่งแวดล้อมให้เสมือนบ้าน มีห้องต่างๆ ที่บ้านควรมี เช่น ห้องนอน ห้องครัว ห้องนั่งเล่นมีห้องโถงใหญ่ที่จัดมุมการเรียนรู้ไว้ตอบสนองความต้องการของเด็ก ได้แก่ มุมฝึกประสาทสัมผัส มุมภาษา มุมคณิตศาสตร์ มุมดนตรี มุมศิลปะ มุมที่จะสอนสิ่งที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน และมุมภูมิศาสตร์ เป็นต้น ห้องนี้เปรียบเสมือนห้องทำงานของเด็ก จะมุ่งเน้นทางด้านสติปัญญา


หลักการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่ มีดังนี้
-   จัดห้องเรียนให้เสมือนบ้าน
-   ให้เสรีภาพกับเด็กที่จะเลือกเล่นด้วยตนเอง
-   จัดสภาพการณ์ต่างๆที่ยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง
-   พัฒนาจิตใจของเด็กไปพร้อมกับการพัฒนาการทางด้านสติปัญญาและร่างกาย
-   การเรียนไปพร้อมกับการเล่น
-   ฝึกการใช้ประสาทสัมผัสของเด็กทุกด้าน
-   การรักเด็กและนับถือความสามารถที่เป็นธรรมชาติของเด็ก

การจัดการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่จะส่งเสริมเด็กให้เกิดคุณลักษณะ ดังนี้
  • ·         เด็กสามารถนำสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ดีเพราะหลักสูตรมอนเตสซอรี่ออกแบบโดยการเลียนแบบชีวิตจริง
  •     เด็กเรียนด้วยความสุข เพราะเป็นจัดการเล่นปนเรียน สอดคล้องกับธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็ก
  •      เด็กได้เข้าสังคมกับเพื่อนให้เด็กที่มีความแตกต่างกันเรียนรู้ที่อยู่ร่วมกันให้ความช่วยเหลือกัน เพราะการเรียนแบบจัดกลุ่มเด็กหลายอายุ รวมกลุ่มกัน
  •     การเรียนที่มุ่งให้เด็กทำกิกรรมจนสำเร็จด้วยตนเองไม่มีการแข่งขันเปรียบเทียบเด็กจะรู้สึกท้าทายตนเอง ไม่เครียด ไม่เบื่อหน่ายการเรียน
คลิปวิดีโอ  รูปแบบการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่





ข้อเสนอแนะของอาจารย์ : หัวใจสำคัญของการ
เรียนรู้แบบมอนเตสเซอรี่คืออะไร และศึกษาเพิ่มเติม



กลุ่มที่ 6 รูปแบบการเรียนการสอนแบบไฮสโคป

( HighScope  Approach )


การเรียนการสอนแบบไฮสโคป คือ
             การสอนเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์การเรียนรู้พัฒนาคน  การเรียนรู้และการสอนทำให้มีการคิดเชื่อมโยงความรู้ได้อย่างรวดเร็ว  การศึกษาปฐมวัยจึงเป็นการศึกษาที่จัดให้แก่เด็ก  6  ขวบแรก  เป็นการจัดการศึกษาเพื่อการดูแล และสร้างเสริมเด็กให้พัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ ด้วยการเรียนรู้ที่ถูกต้องแจ้งชัด  ลักษณะการจัดการเรียนการสอนจึงมุ่งจำเพาะไปที่พัฒนาเด็ก ใจเด็ก และอนาคตเด็ก
การสอนเด็กปฐมวัยไม่ใช่การถ่ายทอดความรู้  แต่เป็นการจัดประสบการณ์อย่างมีรูปแบบเพื่อส่งเสริมพัฒนาการ  พัฒนาสมรรถนะทางปัญญา  และพัฒนาจิตนิยมที่ดี  
               การเรียนการสอนสำหรับปฐมวัย มีหลากหลายรูปแบบ  แต่สำหรับรูปแบบที่ผู้เขียนจะนำเสนอนั้นก็เป็นรูปแบบการเรียนการสอนที่มีความน่าสนใจอีกรูปแบบหนึ่ง  รูปแบบการเรียนการสอนที่ว่านั้นก็คือ  รูปแบบการเรียนการสอนแบบไฮสโคป
ความเป็นมา

การเรียนการสอนแบบไฮสโคป  
                เป็นแนวคิดการจัดการศึกษาที่พัฒนามาจากโครงการ  เพอรี่ พรีสคูล (Perry Preschool Project) เมืองยิปซีแลนติ (Ypsilanti) รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี ค.ศ. 1960 โดย เดวิด ไวคาร์ด (David Weikart) และคณะ เป็นโปรแกรมการศึกษาที่มีหลักสูตรและการสอนเน้นการเรียนรู้โดยใช้หลักการสร้างความรู้ (constructive process) จากการกระทำ ที่ต้องมีการร่วมกันคิดร่วมกันทำตามแผนที่กำหนด ซึ่งต่อมาได้มีผู้นำรูปแบบการศึกษาของไฮสโคปไปใช้อย่างแพร่หลาย รวมถึงการนำมาใช้กับการเรียนการสอนระดับปฐมวัยศึกษาด้วย

แนวคิดพื้นฐาน
               การสอนแบบไฮสโคป มีพื้นฐานแนวคิดมาจากทฤษฎีของเพียเจท์ (Piage’s Theory)ว่าด้วยพัฒนาการทางสติปัญญา ที่เน้นการเรียนรู้ด้วยการลงมือปฏิบัติที่เด็กสามารถสร้างความรู้ได้เองโดยใช้กระบวนการสร้างสรรค์การเรียนรู้ (Constructive process of learning) เด็กจะเรียนรู้จากการกระทำของตน การประเมินผลงานอย่างมีแบบแผน ช่วยให้เด็กเกิดความรู้ขึ้น  เด็กสามารถสร้างความรู้ได้จากประสบการณ์ที่มีความหมาย ซึ่งจากแนวคิดนี้ ในการเรียนเด็กสามารถเลือกเรียนเลือกปฏิบัติจัดกระทำดำเนินการเรียนรู้และประเมินผลงานของตนเอง  เด็กจะได้รับการกระตุ้นจากครูให้คิดนำอุปกรณ์มากระทำหรือเล่นด้วยการวางแผนการทำงาน แล้วดำเนินตามแผนไว้ตามลำดับพร้อมแก้ปัญหาและทบทวนงานที่ทำด้วยการทำงานร่วมกันกับเพื่อนเป็นกลุ่มเล็กๆ โดยมีครูคอยให้กำลังใจ  ถามคำถาม  สนับสนุน และเพิ่มเติมสิ่งที่เด็กต้องเรียนรู้

แนวคิดสำคัญ
              แนวการสอนแบบไฮสโคปเน้นการเรียนรู้แบบลงมือกระทำผ่านมุมเล่นที่หลากหลาย  ด้วยสื่อและกิจกรรมที่เหมาะสมกับการพัฒนาการเรียนการสอน

การเรียนการสอนแบบไฮสโคป เป็นการสร้างองค์ความรู้จากการที่เด็กได้ลงมือจัดกระทำกับอุปกรณ์ หรือสิ่งแวดล้อมซึ่งถือเป็นประสบการณ์ตรง  โดยที่ครูจะเป็นคนเตรียมอุปกรณ์ให้กับเด็กและกระตุ้นให้เด็กพัฒนาและดำเนินกิจกรรม โดยใช้หลักปฏิบัติ 3  ประการ  คือ
การวางแผน ( Plan ) เป็นการกำหนดแนวทางการปฏิบัติหรือดำเนินงานตามที่ได้รับมอบหมาย  มีการสนทนาระหว่างครูกับเด็ก  ว่าจะทำอะไร อย่างไร  การวางแผนกิจกรรมอาจจะใช้แสดงด้วยภาพหรือสัญลักษณ์ประจำตัวเด็ก  เป็นกระบวนการที่เด็กมีโอกาสเลือก และตัดสินใจ
–  การปฏิบัติ ( Do ) คือการลงมือกระทำตามแผนที่วางไว้  เป็นส่วนที่เด็กได้ร่วมกันคิด แก้ปัญหา  ตัดสินใจและทำด้วยตนเอง  เป็นส่วนที่เด็กได้มีการพัฒนาการพูดและปฏิสัมพันธ์ทางสังคมสูง
–  การทบทวน ( Review ) เป็นช่วงที่ได้งานตามจุดประสงค์  ช่วงนี้จะมีการอภิปรายและเล่าถึงผลงานที่เด็กทำเพื่อทบทวนว่า เด็กสามารถปฏิบัติตามแผนที่วางไว้หรือไม่  มีการเปลี่ยนแปลงแผนอย่างไร  และชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างแผนกับการปฏิบัติ  และผลงานที่ทำ รวมถึงการเล่าประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้รับ  การที่เด็กได้ลงมือทำงานหรือกิจกรรมด้วยความสนใจ  จะทำให้เด็กสนุกกับการทำงาน  การทำตามขั้นตอนอย่างเป็นระบบ ผลงานที่เกิดขึ้นนับเป็นความสำเร็จของเด็กในการลงมือทำกิจกรรมกับเพื่อนอย่างมีความสุขการของเด็กและการแก้ปัญหาอย่างกระตือรือร้น
เป็นการวางแผนในกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ของเด็กๆ โรงเรียนเกษมพิทยา

คลิปวิดีโอ รูปแบบการเรียนการสอนแบบไฮสโคป

 


ข้อเสนอแนะของอาจารย์ : แนวคิดสำคัญ แนวการสอนแบบไฮสโคปเน้นการเรียนรู้แบบลงมือกระทำผ่านมุมเล่นที่หลากหลาย
 
ทักษะ
  • ทักษะการต่อยอดความรู้
  • ทักษะการนำเสนอ
  • ทักษะการฟัง
  • ทักษะการคิดอย่างมีเหตุผล
  • ทักษะการคิดอย่างเป็นระบบ
  • ทักษะการคิดอย่างมีแบบแผน
  • ทักษะการสรุปความรู้จากข้อมูล

การนำมาใช้
สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการนำเสนอของเพื่อนๆ และคำแนะนำของอาจารย์ไปต่อยอดจากความรู้เดิม และความรู้ใหม่มาใช้ในการออกแบบกิจกรรมรูปแบบการเรียนการสอนเพื่อให้เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กและรู้เทคนิคการสอนที่ดี


ประเมินตัวเอง : แต่งกายถูกระเบียบ มาเรียนตรงเวลา ตั้งใจฟังเพื่อนนำเสนอ
ประเมินเพื่อน : ตั้งใจเรียน และเข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจนำเสนองาน เนื้อหาครบถ้วนและเข้าใจ
ประเมินผู้สอน : แต่งกายเรียบร้อย น้ำเสียงในการถ่ายทอดไพเราะมีคำถาม มาให้แสดงความคิดเห็นอยู่เสมอ และในคำแนะนำในการนำเสนอผลงานระหว่างก่อน และหลังนำเสนอ เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขการนำเสนอครังหน้าให้ดีกว่านี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น