Record of Learning 12
Monday 2 April 2018
เนื้อหาที่เรียน ความรู้ที่ได้รับ(์Knowladge)
- มารู้จักรูปแบบการเรียนรู้ ของ BBL หรือ Brain-Based-Learning และ EF Executive Functions
BBL : Brain-Based-Learning
การเรียนรู้ที่ถือสมองเป็นพื้นฐาน (Brain-based Learning) เกี่ยวข้องกับเรื่องสำคัญ 3 ประการ คือ 1.)การทำงานของสมอง 2.)การจัดหลักสูตรการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก 3.)กระบวนการจัดการเรียนรู้โดยเปิดกว้าง
ให้เด็กเรียนรู้ได้ทุกเรื่อง เนื่องจากสมองเรียนรู้ตลอดเวลา
ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยการปฏิบัติหรือลงมือกระทำด้วยตนเอง
ผู้เรียนได้เรียนรู้แบบร่วมมือและผู้เรียนได้เรียนรู้แบบบูรณาการ
การเรียนรู้ที่ถือสมองเป็นพื้นฐานส่งเสริมให้เด็กไทยได้พัฒนาศักยภาพสมองของเขาอย่างเต็มความสามารถ สมองของเด็กเรียนรู้มากกว่าสมองของผู้ใหญ่เป็นพันๆเท่า
เด็กเรียนรู้ทุกอย่างที่เข้ามาปะทะ
สิ่งที่เข้ามาปะทะล้วนเป็นข้อมูลเข้าไปกระตุ้นสมองเด็กทำให้เซลล์ต่างๆเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายเส้นใยสมองและจุดเชื่อมต่อต่างๆอย่างมากมายซึ่งจะทำให้เด็กเข้าใจและเรียนรู้สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น สมองจะทำหน้าที่นี้ไปจนถึงอายุ 10 ปีจากนั้นสมองจะเริ่มขจัดข้อมูลที่ไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวันทิ้งไปเพื่อให้ส่วนที่เหลือทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
การจัดการเรียนรู้ตามหลักการพัฒนาสมอง หรือ BBL (Brain-Based Learning) เป็นการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับพัฒนาการด้านโครงสร้างและการทำงานของสมอง
เหมาะสมกับทุกช่วงวัย ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาถึงวัยชรา หลักการสำคัญในการเรียนรู้ของสมองเด็กปฐมวัยและประถมศึกษา
คือ “เล่นคือเรียน เรียนคือเล่น” ต้องเรียนด้วยความเข้าใจมากกว่าความจำ
เรียนรู้จากการสัมผัสจับต้องของจริงไปสู่สัญลักษณ์
ด้วยอารมณ์ที่เปิดรับการเรียนรู้ และต้องเรียนรู้ด้วยการลงมือทำ (active learning) แทนการนั่งฟังบรรยายเพียงอย่างเดียว (passive learning)
EF : Executive Functions
EF
(Executive Functions) ทักษะสมองเพื่อชีวิตที่สำเร็จ คือ
กระบวนการทำงานของสมองส่วนหน้าของมนุษย์ทุกคน ที่ใช้ในการกำกับความคิด
ความรู้สึกและการกระทำ เพื่อให้บรรลุสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้
เป็นทักษะที่สำคัญยิ่งต่อความสำเร็จในการเรียน การงาน
การอยู่ร่วมกับเพื่อนมนุษย์ การคิดสร้างสรรค์ และการจัดการทุกด้านตลอดชีวิต
สำหรับกลุ่มทักษะ EF ที่สำคัญมีทั้งหมด 9 ด้าน
1.ทักษะความจำที่นำมาใช้งาน (Working Memory) คือทักษะจำหรือเก็บข้อมูลจากประสบการณ์ที่ผ่านมา
และดึงมาใช้ประโยชน์ตามสถานการณ์ที่พบเจอ เด็กที่มี Working Memory ดี IQ ก็จะดีด้วย
2.ทักษะการยับยั้งชั่งใจ-คิดไตร่ตรอง (Inhibitory Control) คือความสามารถในการควบคุมความต้องการของตนเองให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
เด็กที่ขาดความยับยั้งชั่งใจจะเหมือน “รถที่ขาดเบรก” อาจทำสิ่งใดโดยไม่คิด
มีปฏิกิริยาในทางที่ก่อให้เกิดปัญหาได้
3.ทักษะการยืดหยุ่นความคิด (Shift Cognitive Flexibility) คือความสามารถในการยืดหยุ่นหรือปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้
ไม่ยึดตายตัว
4.ทักษะการใส่ใจจดจ่อ (Focus) คือความสามารถในการใส่ใจจดจ่อ
มุ่งความสนใจอยู่กับสิ่งที่ทำอย่าง ต่อเนื่องในช่วงเวลาหนึ่ง
5.การควบคุมอารมณ์ (Emotion Control) คือ
ความสามารถในการควบคุมแสดงออกทางอารมณ์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
เด็กที่ควบคุมอารมณ์ตัวเอง ไม่ได้ มักเป็นคนโกรธเกรี้ยว ฉุนเฉียว
และอาจมีอาการซึมเศร้า
6.การประเมินตัวเอง (Self-Monitoring) คือการสะท้อนการกระทำของตนเอง รู้จักตนเอง รวมถึงการประเมินการงานเพื่อหาข้อบกพร่อง
7.การริเริ่มและลงมือทำ (Initiating) คือ ความสามารถในการริเริ่มและลงมือทำตามที่คิด
ไม่กลัวความล้มเหลว ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง
8.การวางแผนและการจัดระบบดำเนินการ (Planning and Organizing) คือทักษะการทำงาน ตั้งแต่การตั้งเป้าหมาย
การวางแผน การมองเห็นภาพรวม ซึ่งเด็กที่ขาดทักษะนี้จะวางแผนไม่เป็น
ทำให้งานมีปัญหา
9.การมุ่งเป้าหมาย (Goal-Directed Persistence) คือ ความพากเพียรมุ่งสู่เป้าหมาย
เมื่อตั้งใจและลงมือทำสิ่งใดแล้ว ก็มีความมุ่งมั่นอดทน ไม่ว่าจะมีอุปสรรคใดๆ
ก็พร้อมฝ่าฟันให้สำเร็จ
- กิจกรรมการเรียนการสอนวันนี้ อาจารย์ให้นักศึกษาแต่ละกลุ่มที่สอนในหน่วยต่างๆ ของวันพุธออกมาสอนกิจกรรมเสริมประสบการณ์ หน้าชั้นเรียน เพื่อทดลองสอนให้เพื่อนๆ ดู เพื่อนำไปปรับใช้ในการออกฝึกประสบการณ์
สอนกิจกรรมเสริมประสบการณ์วันพุธ
หน่วยอาหารดีมีคุณค่า
การจัดกิจกรรม
ขั้นนำ
1. ครูเล่านิทานเรื่องอาหารดีมีประโยชน์ แล้วสนทนาเนื้อหาในนิทาน
2. ครูใช้คำถาม อาหารที่เด็กทานมามีอะไรบ้าง
ขั้นสอน
3. ครูนำภาพอาหารให้เด็กดู ถามว่าอาหารที่นำมาอยู่ในกลุ่มอะไร
4. ครูถาม ถ้าเด็กๆ อยากแข็งแรง เด็กๆ ต้องเลือกทานอาหารอะไร (สัมพันธ์นิทาน)
ข้อเสนอแนะจากอาจารย์: นิทานควรมีฉาประกอบ และให้เด็กมีส่วนร่วมด้วยควรมีตัวละครมากกว่า 2 ตัวไม่ควรเอาแผ่นภาพไปติดบนกระดาษ ควรให้เด็กตื่นเต้นให้เด็กเห็นแค่แปปเดียว
(การดำรงชีวิตของผีเสื้อ)
การจัดกิจกรรม
สงบเด็ก : ตบมือข้างซ้ายๆ ตบมือข้างขวาๆ เรามาเรียนกันมา ตบมือข้างซ้าย ตบมือข้างขวา อึบ
ขั้นนำ
1. ครูและเด็กร่วมกันร้องเพลง Butterfly ร่วมกัน
fly. fly. fly the butterfly
in the meadow is flying high
in the garden is flying low
fly. fly. fly the butterfly
ขั้นสอน
2. ครูสอนวงจรชีวิตของผีเสื้อ
ข้อเสนอแนะจากอาจารย์: ควรถามเด็กจากเพลง
ครูพูดคุยกับเด็กเกี่ยวกับวงจรชีวิตของผีเสื้อ ควรเขียนก่อนแล้วนำภาพผีเสื้อไปติดในเนื้อเพลงควรมีภาพให้เด็กเห็นสนทนาในเนื้อเพลงก่อน
หน่วยประสาทสัมผัสทั้ง 5
(หน้าที่ของอวัยวะ - ลิ้น)
การจัดกิจกรรม
ขั้นนำ
1. ครูใช้ปริศนาคำทาย อะไรเอ่ย? ตัวฉันเป็นใคร อยู่ในปากคน แลบเลียสับสน รสหวาน เปรี้ยว เค็ม
ขั้นสอน
2. ครูอธิบายลิ้นมีหน้าที่รับรส
3. ครูมีภาชนะ 2 รส มาให้เด็กชิม ได้แก่ รสเค็ม รสหวาน ให้เด็กๆ ออกมาชิม
4. ครูอธิบายว่า ถ้าเรามองด้วยตาเปล่าเราจะรู้ไหมว่ารสชาติเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นเราต้อง (ชิม)
ข้อเสนอแนะจากอาจารย์: มีตารางสำหรับนำเสนอข้อมูลใช้ 2 ถ้วย คือ รสเค็มกับรสหวาน
ให้เด็กมาติดในตารางว่าอันไหนรสเค็ม อันไหนรสหวาน
หน่วยบ้าน
(สมาชิกในบ้าน)
การจัดกิจกรรม
สงบเด็ก : จิบจิบจิ้บ จิบจิบจิบจิ้บ กระพือปีกซ้าย กระพือปีกขวา กระพือปีกไปมา จิบกลับเข้ารัง
ขั้นนำ
1. ครูและเด็กร่วมกันร้องเพลง " พี่น้องกัน "
ขั้นสอน
2. ครูสอนความสัมพันธ์ของสมาชิกในบ้าน
3. ครูให้เด็กนำภาพสมาชิกมาติดในกราฟฟิก
ขั้นสรุป
4. ที่บ้านเรามีใครกันบ้าง แล้วเราดูแลกันยังไง
ข้อเสนอแนะจากอาจารย์: ตารางความสัมพันธ์สมาชิกในบ้านไม่ต้องทำซับซ้อนมากเกินไป เวลาเขียนควรเขียนให้ชัดเจนให้เด็กเห็นชัดเจน จากลูก >>>> พ่อแม่ ควรเขียนตัดใหญ่ๆ เริ่มต้นที่ "ตัวเรา"
วาดแผนผังให้ตรง
หน่วยใต้ร่มเงาไม้
(การดูแลรักษาต้นไม้)
การจัดกิจกรรม
ขั้นนำ
1. ครูและเด็กร้องเพลง “ดูแลรักษาต้นไม้”
ต้นไม้จะใหญ่งอกงาม
เราพยายามบำรุงรักษา
รดน้ำ พรวนดิน ถอนหญ้า
ใส่ปุ๋ย และฆ่าแมลง ด้วยเอย
2. ครูถามเด็กว่าในเพลงนี้มีวิธีการดูแลต้นไม้อย่างไรบ้าง แล้วนอกเหนือจากในเพลงนี้มีวิธีการดูแลรักษาต้นไม้อย่างไรอีกบ้าง แล้วบันทึกลงแบบบันทึกการดูแลต้นไม้
ขั้นสอน
3. ครูแนะนำอุปกรณ์และสนทนาถามว่า เด็กๆรู้จักอุปกรณ์อะไรบ้าง แล้วเด็กๆ คิดว่าจะเอามาทำอะไร
4. ครูสาธิตขั้นตอนในการปลูกต้นถั่วเขียว และมีตัวอย่างให้ดู โดย ครูจะปลูกต้นถั่วเขียวไว้ 2 กระถาง
- กระถางที่ 1 ครูเอากระป๋องครอบไว้
- กระถางที่ 2 ครูจะไม่รดน้ำ แต่ได้รับแสงแดด
5. ครูแบ่งกลุ่มให้เด็ก กลุ่มละเท่าๆกัน แล้วให้เด็กลงมือปฏิบัติการปลูกต้นถั่วเขียว
6. ให้เด็กสังเกตการเปลี่ยนแปลงของต้นถั่วงอก และบันทึกการเปลี่ยนแปลง
ขั้นสรุป
7. ครูและเด็กร่วมกันสรุปกิจกรรม ขั้นตอนการปลูกต้นถั่วเขียวและวิธีการดูแลรักษา
ข้อเสนอแนะจากอาจารย์:ในเนื้อเพลงควรตัดคำว่า "ฆ่า" ออก เปลี่ยนเป็น กำจัดแมลง (ใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก กำจัดแมลงเอย) ขั้นตอนในการปลูก ควรมีลูกศรในแต่ละขั้น
ทักษะ
- ทักษะการฟัง
- ทักษะการคิดอย่างมีเหตุผล
- ทักษะการสอน
- ทักษะการต่อยอดความรู้
- ทักษะการคิดอย่างเป็นระบบ
- ทักษะการทำงานเป็นทีม
การนำมาใช้
ได้รู้จักการเขียนแผนกิจกรรมเสริมประสบการณ์ที่ถูกต้อง รวมถึงการสอนของเพื่อนๆทำให้ได้ความรู้ใหม่ๆและคำแนะนำจากอาจารย์ มาปรับใช้กับสถานการณ์การสอนต่างๆได้ เข้าใจมากขึ้น
ประเมินตนเอง: มาเรียนตรงเวลา แต่งกายมาเรียนถูกระเบียบตามที่อาจารย์กำหนด และตั้งใจให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม
ประเมินเพื่อน:แต่งการถูกระเบียบ มาเรียนตรงเวลา ให้ความร่วมมือในการตอบคำถาม และตั้งใจให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม
ประเมินอาจารย์:อาจารย์มาสอนตรงเวลา แต่งกายเหมาะสม มีคำแนะนำดีๆเวลาทดลองสอน
ประเมินห้องเรียน: ห้องเรียนสะอาดกว้าง บรรยากาศเหมาะสมกับการเรียน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น